|
|
- ใช้ผสมซีเมนต์กับวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง และคงทน
- ใช้ผสมซีเมนต์กับดินเพื่อทำฐานถนนให้มีความแข็งแกร่ง คล้ายคอนกรีต
- สามารถใช้ดินที่เหมาะกับการก่อสร้างถนนได้หลากหลายชนิดในแถบพื้นที่ก่อสร้างนั้นๆ
- ช่วยลดขนาดของช่องอากาศในดิน –ซีเมนต์ (Capillary Void) จะสร้างฟิล์มมีลักษณะคล้ายลูกโป่งเล็กๆเข้าไปแทรกในช่องอากาศ ทำให้น้ำไม่สามารถซึมผ่านได้ และมีแรงดีดกลับของลูกโป่งทำให้เกิด Tensile Strength สูงเป็นผลให้ถนนคอนกรีตหรือถนนดินซีเมนต์ สามารถรับน้ำหนักได้ดี ทนต่อแรงกระแทกจากน้ำหนักล้อรถ
- ทำหน้าที่เป็น Dispersing agent ช่วยให้ปูนซีเมนต์กระจายตัว สามารถคลุกผสมกับวัสดุดินได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้วัสดุดิน-ซีเมนต์ และ CHEM ROAD เมื่อถูกบดอัดแล้วจะรวมตัวเป็นเนื้อเดียวกัน
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความคงทนของผิวถนนคอนกรีต และถนนดิน ซีเมนต์ ให้ทนทานต่อสารเคมี กรดคาร์บอนิก (Carbonic Acid) ที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากสภาพการจราจรที่แออัด
- ช่วยให้ถนนไม่เกิดการแตกแยก และไม่เกิดหลุมบ่อบนพื้นถนน
- ฐานถนนจะมีความยืดหยุ่นสูง และรับน้ำหนักได้มากขึ้นจึงทำให้ถนนไม่เกิดการยุบตัว
- ฐานถนนจะมีความคงทนถาวรนานหลายปีจึงทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมถนนน้อยลง
- ประหยัดเงินงบประมาณ สามารถนำไปใช้ทำถนนเพิ่มได้อีก
- สามารถทำฐานถนนไว้ใช้งานได้ก่อน แล้วค่อยทำพื้นหน้าถนนทีหลังเมื่อมีความพร้อม เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องฝุ่น และหลุมบ่อ
|
|
|
|
เพราะช่วยลดต้นทุนการก่อสร้าง ประหยัดทั้งเงิน และเวลา ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ รักษาสิ่งแวดล้อม และช่วยลดภาวะโลกร้อน
- การใช้ Polymer Chemroad ทำฐานถนนทำได้ง่ายกว่า เร็วกว่า และดีกว่า - การบำรุงรักษา ค่าซ่อมแซมน้อยกว่า เพราะแข็งแรงกว่า และคงทนกว่า
จากการศึกษาเปรียบเทียบโครงสร้างถนนแบบดั้งเดิมที่ใช้กันทั่วไป (Conventional Road) กับโครงสร้างถนนที่ใช้สารสังเคราะห์ Polymer Chemroad เป็นส่วนผสมในการทำฐานถนนจะเห็นความแตกต่างที่ดีกว่าดังนี้
CONVENTIONAL ROAD
โครงสร้างถนนแบบธรรมดาทั่วไป (Conventional) ฐานถนนจะเป็นชั้นๆ และใช้วัสดุที่หลากหลาย เช่น หินคลุก ทราย ซึ่งอาจต้องนำวัสดุเหล่านั้นมาจากแหล่งที่อยู่ไกลออกไปจากสถานที่ก่อสร้าง ทำให้ต้องเสียค่าวัสดุมากมาย และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการขนส่ง รวมทั้งยังเสียเวลา และยุ่งยากในการก่อสร้างมากขึ้นด้วย ส่วนในด้านของการรับน้ำหนัก ฐานถนนที่มีวัสดุแตกต่างกันเป็นชั้นๆจะรับน้ำหนักเฉลี่ยไม่คงที่ และไม่เท่ากันเสมอไป ความแข็งแรง และ ความคงทนจึงมีได้ไม่นาน
Polymer Chemroad / CEMENT / NATURAL SOIL
ในขณะที่โครงสร้างถนนที่ใช้ Polymer Chemroad นั้นสามารถใช้ดินที่เหมาะกับการก่อสร้าง (In-Situ Soil) ที่มีอยู่ในพื้นที่ก่อสร้างผสมกับปูนซีเมนต์ และ Polymer Chemroad ทำเป็นฐานถนนได้ทันที ซึ่งเป็นการประหยัดค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าขนส่ง และค่าแรงงานมากกว่าโครงสร้างถนนแบบดั้งเดิม นอกจากนั้นการมีฐานถนนเป็นวัสดุที่รวมตัวกันชั้นเดียวจะมีการรับน้ำหนักได้ดีกว่าสม่ำเสมอกันมากขึ้น ฐานถนนที่รวมตัวกันเป็นชั้นเดียวจะมีการรับน้ำหนักได้ดีกว่าสม่ำเสมอกันมากขึ้น ฐานถนนที่รวมตัวกันแน่นเป็นผืนเดียวกนโดยตลอดจึงมีความแข็งแรง และคงทนมากกว่าบานถนนที่มีวัสดุแตกต่างกันเป็นชั้นๆ ทำให้ถนนนั้นๆมีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้นมากขึ้น แต่จ่ายค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาน้อยลง เป็นการประหยัดงบประมาณอีกทางหนึ่ง
|
|
|